บิดาจดทะเบียนรับรองบุตร กรณีพ่อแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน

บิดาจดทะเบียนรับรองบุตร กรณีพ่อแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน

กรณี เด็กที่เกิดจากพ่อแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันนั้น ถือว่าเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของมารดาแต่เพียงผู้เดียว

การรับรองบุตร เป็นวิธีการที่ทำให้บุตรนอกสมรสเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของบิดาได้ โดยมี 3 วิธี ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1547 ดังนี้ คือ

  1. เมื่อบิดามารดาได้จดทะเบียนสมรสกันในภายหลัง
  2. บิดาได้จดทะเบียนรับรองบุตร ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ.2541 ซึ่งวิธีการนี้บิดาไม่ต้องจดทะเบียนสมรสกับมารดาเด็ก โดยกำหนดเงื่อนไข ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1548 ดังนี้ 2.1 ต้องได้รับความยินยอมจากเด็กและมารดาเด็ก โดยทั้งสองคนต้องให้ความยินยอมต่อหน้านายทะเบียน ซึ่งเด็กที่สามารถให้ความยินยอมได้นั้น ต้องสามารถสื่อสาร อ่านออก เขียนได้ และรู้ผิดรู้ชอบ ปกติจะมีอายุตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไป อ้างอิงตามนิยามของ “เด็กไร้เดียงสา” ข้อ 1 ในกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการพิสูจน์สถานะการเกิดและสัญชาติของเด็กซึ่งถูกทอดทิ้ง เด็กเร่ร่อน หรือเด็กที่ไม่ปรากฏบุพการีหรือบุพการีทอดทิ้ง พ.ศ. 2551 2.2 แต่หากบุคคลทั้งสองไม่อาจให้ความยินยอมได้ เช่น มารดาเสียชีวิต วิกลจริต บ้า หรือเด็กยังไร้เดียงสาอายุยังน้อยเกินไป กรณีแบบนี้นายทะเบียนจะจดทะเบียนรับรองบุตรไม่ได้ จนกว่าจะมีคำสั่งศาลอันเป็นถึงที่สุด ให้บิดาจดทะเบียนรับรองบุตรได้
  3. ศาลพิพากษาว่าเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดา ซึ่งเป็นกรณีที่บิดาไม่สมัครใจยินยอม ไม่รับผิดชอบ การฟ้องคดีบิดาให้รับเด็กเป็นบุตร เมื่อเด็กอายุ 15 ปีบริบูรณ์สามารถยื่นฟ้องต่อศาลได้ด้วยตนเอง หากเด็กยังไม่ครบ 15 ปีบริบูรณ์ต้องให้มารดาในฐานะผู้แทนโดยชอบธรรมเป็นผู้ฟ้องแทน ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1556

ขั้นตอน จดทะเบียนรับรองบุตร

  1. บิดาจดทะเบียนรับรองบุตรต่อนายทะเบียน ณ สำนักงานทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ หรือสำนักงานเขตกรณีที่มีภูมิลำเนาอยู่ในกรุงเทพมหานคร
  2. เด็กและมารดาของเด็กต้องให้ความยินยอมด้วยในการจดทะเบียนรับรองบุตร ถ้าเด็กหรือมารดาเด็กคนใดคนหนึ่งไม่ให้ความยินยอมในการจดทะเบียนรับรองบุตร หรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ เช่น มารดาเด็กถึงแก่ความตาย เด็กยังเล็กเกินไปที่จะให้ความยินยอม เป็นต้น กรณีนี้ การจดทะเบียนรับรองบุตรนั้น จะต้องมีคำพิพากษาของศาลเสียก่อน จึงจะนำคำพิพากษาศาลไปจดทะเบียนรับรองบุตรได้

มาตรา 1547  เด็กเกิดจากบิดามารดาที่มิได้สมรสกัน จะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อเมื่อบิดามารดาได้สมรสกันในภายหลังหรือบิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตรหรือศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร

มาตรา 1548  บิดาจะจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของเด็กและมารดาเด็ก

ในกรณีที่เด็กและมารดาเด็กไม่ได้มาให้ความยินยอมต่อหน้านายทะเบียน ให้นายทะเบียนแจ้งการขอจดทะเบียนของบิดาไปยังเด็กและมารดาเด็ก ถ้าเด็กหรือมารดาเด็กไม่คัดค้านหรือไม่ให้ความยินยอมภายในหกสิบวันนับแต่การแจ้งนั้นถึงเด็กหรือมารดาเด็ก ให้สันนิษฐานว่าเด็กหรือมารดาเด็กไม่ให้ความยินยอม ถ้าเด็กหรือมารดาเด็กอยู่นอกประเทศไทยให้ขยายเวลานั้นเป็นหนึ่งร้อยแปดสิบวัน

ในกรณีที่เด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านว่าผู้ขอจดทะเบียนไม่ใช่บิดา หรือไม่ให้ความยินยอม หรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรต้องมีคำพิพากษาของศาล

เมื่อศาลได้พิพากษาให้บิดาจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรได้ และบิดาได้นำคำพิพากษาไปขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียน ให้นายทะเบียนดำเนินการจดทะเบียนให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5982/2551

 ป.พ.พ. มาตรา 1548 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า บิดาจะจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของเด็กและมารดาเด็ก ส่วนวรรคสามและวรรคสี่บัญญัติว่า ในกรณีที่เด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านว่าผู้ขอจดทะเบียนไม่ใช่บิดาหรือไม่ให้ความยินยอมหรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรต้องมีคำพิพากษาของศาล จากบทบัญญัติดังกล่าวแสดงให้เห็นชัดเจนว่าประสงค์ให้เด็กเป็นผู้ให้ความยินยอมเป็นการเฉพาะตัว การที่นายทะเบียนแจ้งแก่ผู้ร้องว่าไม่สามารถรับจดทะเบียนให้ได้โดยไม่แจ้งการขอจดทะเบียนของผู้ร้องไปยังผู้คัดค้านและเด็กก่อนตาม มาตรา 1548 วรรคสอง หรือตาม พ.ร.บ.จดทะเบียนครอบครัวฯ มาตรา 19 วรรคสอง เพราะปรากฏว่าขณะที่ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนขอจดทะเบียนนั้น เด็กหญิง ป. อายุเพียง 3 ปีเศษ ยังไร้เดียงสาไม่สามารถให้ความยินยอมได้ จึงเป็นการปฏิบัติถูกต้องตาม พ.ร.บ.จดทะเบียนครอบครัวฯ มาตรา 19 แล้ว ผู้ร้องจึงมีอำนาจยื่นคำร้องขอต่อศาลขอให้พิพากษาให้ผู้ร้องจดทะเบียนเด็กหญิง ป. เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้

error: Content is protected !!
ข้ามไปยังทูลบาร์