หน้าแรก

บริการรับว่าความทั่วราชอาณาจักร ทนายความและที่ปรึกษากฎหมาย มีความเชี่ยวชาญหลากหลายด้าน หลากหลายคดี ทนายสุจิตรา บุญมี

  • คดีแพ่ง คดีอาญา คดีมรดก ยื่นคำร้อง ยื่นคำคัดค้านผู้จัดการมรดก
    ถอดถอนผู้จัดการมรดก ฟ้องแบ่งมรดก ฟ้องขอให้เป็นบุตรชอบด้วย
    กฎหมายของบิดา (ผู้ตาย) ร้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
    ฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย ฟ้องผิดสัญญาหมั้น
    เรียกค่าทดแทน เรียกคืนของหมั้น สินสอด
  • ฟ้องละเมิด เรียกค่าเสียหาย ฟ้องร้องหรือยื่นคำให้การต่อสู้คดี
    เป็นฝ่ายโจทก์หรือจำเลย
    คดีครอบครัว ฟ้องหย่า ฟ้องหย่าชาวต่างชาติ แบ่งสินสมรส รับรองบุตร
    เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู ฟ้องชู้ เรียกค่าทดแทน ตั้งผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร
    ฟ้องเพิกถอนอำนาจปกครองบุตร
  • คดีบริโภค บัตรเครดิต เช่าซื้อรถยนต์ รถจักรยานยนต์
  • คดีแรงงาน ฟ้องเรียกค่าชดเชย เลิกจ้างไม่เป็นธรรม
  • คดีล้มละลาย ฟ้องล้มละลาย ประนอมหนี้
  • คดีทรัพย์สินทางปัญญา ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร
  • ร่างนิติกรรมสัญญา ตรวจดูสัญญา ร่างพินัยกรรม
  • ประกันตัวในคดีอาญา
  • ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานราชการทั่วราชอาณาจักร
  • ดำเนินการบังคับคดียึดหรืออายัดทรัพย์สิน การขายทอดตลาด
  • จัดทำอุทธรณ์ ฎีกา
  • คดีภาษีอากร
  • บังคับคดี
สํานักงานกฎหมาย สุจิตรา ทนายความ รับว่าความทั่วราชอาณาจักร
สํานักงานกฎหมาย สุจิตรา ทนายความ

เกี่ยวกับเรา

สุจิตราเป็นทนายความและที่ปรึกษากฎหมาย พร้อมทีมงานทนายความที่มีประสบการณ์ ให้บริการงานทั่วไปทางกฎหมาย รับปรึกษากฎหมายเบื้องต้นฟรี รับว่าความทั่วราชอาณาจักร มีเจตนารมณ์ให้คำแนะนำปรึกษากฎหมายและคดีความถึงสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายสำหรับประชาชนหรือบุคคลทั่วไปที่ได้รับความทุกข์ใจหรือความเดือดร้อน โดยเราคำนึงถึงความถูกต้อง ความยุติธรรม และผลประโยชน์ของท่านเป็นสำคัญ เราบริการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต่อลูกความ ด้วยความจริงใจ และเป็นกันเอง ท่านจะได้รับความเป็นธรรม สะดวก รวดเร็ว จากการทำงานที่เป็นระบบและมีคุณภาพ

บริการของเรา

บทความ

ฟ้องเรียกค่าเลี้ยงดูบุตรหรืออุปการะเลี้ยงดูบุตร

การส่งเสียเลี้ยงดูบุตรเป็นหน้าที่ตามกฎหมายของบิดามารดา ที่จะต้องเลี้ยงดูบุตร ตามมาตรา 1564 กำหนดให้ บิดามารดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาตามสมควรแก่บุตรในระหว่างที่เป็นผู้เยาว์ หรือหลังจากบรรลุนิติภาวะแล้วในกรณีที่บุตรเป็นผู้ทุพพลภาพและหาเลี้ยงตนเองมิได้

จดทะเบียนสมรสเท่าเทียมต้องทำอย่างไร

คุณสมบัติหรือเงื่อนไขการจดทะเบียนสมรสเท่าเทียมมีอะไรบ้าง

1.บุคคลทั้งสองจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์ กรณีผู้เยาว์ต้องนำบิดามารดาหรือผู้ปกครองมาให้ความยินยอมด้วย

2.กรณีอายุต่ำกว่า 18 ปี จะต้องได้รับอนุญาตจากศาล

3.ไม่เป็นบุคคลวิกลจริต หรือบุคคลที่ศาลสั่งเป็นคนไร้ความสามารถ

4.ไม่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน หรือร่วมแต่บิดาหรือมารดา ห้ามสมรสกับญาติสืบสายโลหิตโดยตรงขึ้นไปหรือลงมา ความเป็นญาตินี้คำนึงตามสายโลหิต ไม่คำนึงว่าจะเป็นญาติโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

5.ไม่เป็นคู่สมรสของบุคคลอื่น (ห้ามสมรสซ้อน)

6.ผู้รับบุตรบุญธรรมจะสมรสกับบุตรบุญธรรมไม่ได้ หากผู้รับบุตรบุญธรรมสมรสกับบุตรบุญธรรม การรับบุตรบุญธรรมย่อมเป็นอันยกเลิกไป

7.หญิงที่ชายผู้เป็นคู่สมรสตาย หรือการสมรสสิ้นสุดลงด้วยประการอื่น จะสมรสใหม่ได้ต่อเมื่อสิ้นสุดการสมรสไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน เว้นแต่

สามีภรรยาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน มีสิทธิในทรัพย์สินไหม หรือสามารถจัดการมรดกได้ไหม

สามีภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน ไม่ถือว่าเป็นสามีภรรยากันตามกฎหมาย (ไม่ชอบด้วยกฎหมาย) แต่อย่างไรก็ดี ทรัพย์สินที่ชายหญิงได้ลงทุน ร่วมแรง ทำมาหาได้ร่วมกันระหว่างที่อยู่กินกันนั้นถือว่าเป็น “เจ้าของร่วมกัน” และมีส่วนในทรัพย์สินเหล่านั้นคนละครึ่งเท่ากัน

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

error: Content is protected !!
ข้ามไปยังทูลบาร์